Check list “การเตรียมความพร้อมก่อนการเป็นทาสแมวเมนคูน”

การเตรียมความพร้อมและการเตรียมตัวสำหรับทาสแมวเมนคูนมือใหม่ค่ะ

1. สิ่งที่ต้องมีอันดับแรกเลยคือเงินค่ะ สำหรับเป็นค่าสินสอดน้อง ค่าวัคซีน ค่ายารักษาโรค ค่าตรวจสุขภาพ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเรารับลูกแมวมาใหม่จะตัองมีการกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง และหากน้องถ้าน้องมีอาการผิดปกติก็ตามต้องพาไปหาหมอเพื่อตรวจโดยละเอียด ลูกแมวที่เพิ่งย้ายที่อยู่ใหม่มีโอกาสป่วยเพราะความเครียด จากการที่เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม การเดินทาง เนื่องจากแมวเด็กภูมิคุ้มกันยังต่ำอาจก่อโรคที่เกิดจากความเครียดได้เช่น ถ่ายเหลว อาเจียน หวัด เขื้อรา หรือจนกระทั่งน้องโต ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพของน้องตามมาอีกเช่น การถ่ายพยาธิและหยดยาทุก1-3เดือนป้องกันปรสิตเห็บหมัด ตรวจสุขภาพประจำทุกปี ดูค่าเลือดต่างๆด้วยว่าเสี่ยงเป็นอะไรต้องระวังเรื่องไหนมั้ย และอย่างที่ทราบโรคประจำสายพันธ์เมนคูนอย่างทีรู้กันคือโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวอันนี้ต้องเพิ่มใน program Check up ประจำปีของน้องไปด้วยค่ะ ซึ่งราคาค่าตรวจก็จะสูงขึ้นไปอีก รวมถึงการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุฉุกเฉินด้วยค่ะ แมวเหมือนคนเลยค่ะต่อให้เราเลี้ยงเขาดีแค่ไหน เลี้ยงระบบปิด กินอาหารเกรด Super premium ประคบประหงมอย่างดี แต่ด้วยความเป็นสิ่งมีชีวิตโอกาสที่จะเจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตก็เกิดขึ้นได้เสมอ และยิ่งในสายพันธ์เมนคูนที่น้ำหนักตัวเยอะ พูดเลยค่ารักษาก็หนักตามไปด้วยค่ะ ถ้าต้องผ่าตัดใหญ่แต่ละทีบางครั้งค่ายาสลบแพงกว่าค่าผ่าตัดค่ะ เพราะค่ายาสลบคิดตามน้ำหนักตัว อันนี้เล่าจากประสบการณ์ตรงเลยค่ะ แมวน้ำหนักตัว 13 kg ผ่าตัดหนังตาม้วนค่าผ่าตา 5 พัน ค่ายาสลบ + ยากินหลังผ่าตัด 9 พัน สรุปเลี้ยงแมวทุกสายพันธ์ต้องสำรองเงินไว้เผื่อน้องเจ็บป่วยฉุกเฉินค่ะ แต่แมวเมนคูนต้องสำรองไว้เยอะกว่าหน่อยค่ะ เพราะค่ายาตามน้ำหนักค่ะ

2. ศึกษาลักษณะประจำสายพันธ์ โรคประจำสายพันธุ์ศึกษาพฤติกรรม วิธีการเลี้ยง อาหารการกิน สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงในสายพันธ์ เพื่อเตรียมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับสายพันธ์ของน้อง เมนคูนเป็นแมวตัวใหญ่นะคะข้อควรระวังคือเกี่ยวกับข้อสะโพก สถานที่เลี้ยงไม่ควรเป็นพื้นที่ลื่นเกินไป ควรมีพื้นที่ให้ออกกำลังกาย ไม่ต้องกว้างมากก็ได้ แต่ต้องได้เดินได้วิ่ง มีทีปีนป่ายบ้าง น้องจะได้แข็งแรงมีกล้ามเนื้อที่สวยงาม แต่ถ้าไม่มีพื้นที่ขนาดที่ว่าต้องขังน้องอยูแต่ในกรงทั้งวันไม่แนะนำให้เลี้ยงนะคะ ถ้ามีความคิดจะเลี้ยงแมวเมนคูนแค่ในกรงแนะนำไปเลี้ยงนกดีกว่าค่ะ แต่ทั้งนี้แนะนำให้เลี้ยงระบบปิด100%ค่ะเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของน้อง

3 . อาหารหลักๆ เราจะขอเน้นไปที่อาหารเม็ดก่อนนะคะ เนื่องจากสะดวก สะอาด และเหมาะสมกับบริบท และสภาวะอากาศแมวเมืองไทยที่สุด และส่วนมากในอาหารเม็ดจะมีสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่แล้ว ส่วนมากน้อยแค่ไหนนั้นให้ดูที่ฉลากข้างถุงเลยค่ะ เนื่องจากเมนคูนเป็นแมวสายพันธ์ที่โครงสร้างใหญ่ดังนั้นเราจะเน้นโปรตีนสูงเป็นหลักขั้นต่ำควรจะอยู่ที่ 36% ถ้ามีงบแนะนำอาหารเกรดholistic ที่เนื้อสัตว์ล้วน ไม่มีby-product(พวกโครงกระดูก จงอยปาก ขน เล็บ) ไม่มีส่วนผสมของกลูเตน พวกแป้งข้าวโพดและธัญพืช ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้น้องไม่สามารถย่อยเองได้ทำให้สะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ น้องจะ สุขภาพดี รูปร่างดี มีกล้ามเนื้อที่สวยงาม แต่ทั้งนี้พึงระลึกอยู่อย่างนึงว่าอาหารที่ดีคืออาหารที่น้องกิน ซึ่งแมวแต่ละตัวมีความชอบไม่เหมือนกันนะคะ บางตัวชอบเม็ดเล็ก บางตัวชอบเม็ดใหญ่ บางตัวชอบกลิ่นแรงๆ ถ้าเจอตัวที่น้องชอบละน้องกินครบตามปริมาณที่ข้างถุงแนะนำต่อวัน ก็โอเคเลยค่ะให้ทานไปได้ยาวๆ ค่อยๆหาที่เขาชอบที่ถูกปากและเลือกสูตรตามความเหมาะสมค่ะ ลงทุนให้อาหารที่มีคุณภาพดีเพื่อสุขภาพในระยะยาวของแมวค่ะ ถ้าน้องทานอาหารเม็ดที่มีคุณภาพดี และน้องยอมทานในปริมาณที่พอเพียง วิตามินเสริมต่างๆแทบไม่มีความจำเป็นเลย

อาหารอื่นๆ เช่น อาหารเปียก ไก่ต้ม บาร์ฟ อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบ้านเลยนะคะ ของที่บ้านแมวที่เริ่มหย่านมแมวจะให้เป็น อาหารสูตรลูกแมวRoyal Caninแบบกระป๋อง ไปยันสองเดือน จนน้องเริ่มฝึกกินอาหารเม็ดเก่งก็จะค่อยๆลดปริมาณอาหารเปียกลง และเสริมเป็นไก่ต้ม เช้าเย็น ยาวๆ ไปจนกว่าจะย้ายบ้าน และช่วงที่ย้ายบ้านไปแรกๆ จะแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ให้อาหารเปียกกับน้องเพื่อลดความเครียด เนื่องจากอาหารเปียก จะมีกลิ่นหอม น้องๆ ที่เพิ่งย้ายบ้านไปมีความเครียดมักจะเมินอาหารเม็ด อาหารเปียกค่อนข้างจะเป็นตัวช่วยทีดี หลังจากน้องอยู่บ้านใหม่จนคุ้นชินกินอยู่เป็นปกติแล้ว แนะนำอาทิตย์ละหนึ่งถึงสองซองพอค่ะ อาหารเปียกสารอาหารน้อยมากบางยี่ห้อเค็มอีก ทานไปเรื่อยๆทำให้มีหินปูนสะสมที่ฟันแมวด้วย ถ้าให้เป็นประจำทุกวันแล้วยิ่งให้เป็นเวลา เเมวจะจำค่ะแล้วเขาจะรอทาน ทำให้ติดอาหารเปียกจนไม่ยอมทานอาหารเม็ด/อดเม็ดรอกินเปียก แต่ถ้าจะให้ทานก็ต้องเลือกยี่ห้อที่ไม่เค็มนะคะ เช่น Royal canin ที่ส่วนตัวมองว่าโอเค มีทั้งสูตรลูกแมว สูตรบำรุงขน มากมายหลายสูตร , nekko/nekko gold, pramy, felix, vif felina canino ยี่ห้อเหล่าๆนี้ก็จัดว่าทานได้ค่ะ แต่ย้ำว่าในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ

4 . ขนมเลีย ขนมแมวที่เป็นสแน็ค ฟรีชดรายเนื้อสัตว์อบแห้ง อาหารเสริมต่างๆ บางบ้านบอกไม่ให้ทานเลย แต่ส่วนตัวที่บ้านจะให้นานๆครั้งนะคะ แบ่งกันทานหลายๆ ตัว อันนี้แค่มุมมองส่วนตัวนะคะ อยากให้แมวไม่เครียดมีขีวิตชีวา เหมือนเติมความสุขเล็กๆ ให้เขาบ้าง เหมือนเราเลี้ยงเด็กให้ทานขนมนานๆ ครั้งลิ้มรส ของอร่อยบ้าง แต่ถ้าเขาไม่เคยชิมของพวกนี้เลย บางครั้งเวลาเค้ามีความเครียด หรือเราต้องการขอร้องให้เขาทำอะไรเขาจะไม่ทำตาม แบบอย่างเช่น หลังจากอาบน้ำ ตัดเล็บให้เราจะให้ขนมเป็นการปลอบใจ เวลาเรียกอยากให้เขามาหา ถ้าเขาไมมาแต่ถ้าเราหยิบขนมเขาจะรีบวิ่งมาหา แต่ถ้าเขาไม่เคยกินและไม่รู้จักขนมเลยเวลา เราจะปลอบใจเขา หรือรู้สึกว่าเขาคเครียดเราก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ อันนี้ความเห็นส่วนตัวของเราเองนะคะไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการอะไรเลย ตอนนี้มีอาหารเสริมในรูปแบบแมวเลีย มีประโยชน์ ไม่เค็มค่ะ มีหลายสูตรค่ะ ทั้งไลซีน ที่ช่วยกระตุ้นภูมิเรื่องหวัด , บำรุงเลือด , วิตามินรวม ยีห้อ vf+ core อันนี้ทานได้นะคะ เวลาแมวป่วยเป็นหวัดบางรพ. จ่ายให้มาเลยค่ะ

ในส่วนของอาหารเสริมไม่อยากพูดถึงเยอะนะคะ เป็นส่วนเสริมให้ก็ได้ไม่ให้ก็ได้ในแมวปกติที่ไม่ได้จะเน้นอะไร เช่นแมวท้อง ลูกแมว แมวที่จะประกวด แมวป่วย ให้ตามความเหมาะสม ให้เพื่อหวังผลใดผลหนึ่ง เมื่อได้ลัพท์ที่ดีแล้วเราก็จะต้องหยุดกิน ไม่มีใครกินอาหารเสริมตลอดชีวิตนะคะ ถ้าให้ในปริมาณมากเกินไปแล้วสะสมน้องอาจเป็นโรคตับ/ไตได้ในอนาคตค่ะ เพราะร่างกายแมวกำจัดออกไม่หมด

5. ชามอาหาร สำหรับเมนคูนควรยกสูงจากพื้น10-15เซนและเอียง15องศาตามสรีระของแมว ชามน้ำหรือน้ำพุ ถ้าอยากกระตุ้นให้แมวทานน้ำเยอะแนะนำซื้อน้ำพุค่ะ เพราะปกติแมวจะไม่ชอบทานน้ำนิ่ง แต่ในแมวเมนคูนต้องเตรียมไว้สำรองหลายๆ อันหน่อยนะเพราะชอบ วัก กวัก งัดแงะ พังเป็นอันๆ ไปค่ะ

6 . ห้องน้ำหรือกระบะทราย แมว1ตัวควรมี2กระบะ ทรายแมวมีหลายชนิด เช่น เต้าหู้ เบนโทไนท์ ภูเขาไฟ คริสตัล ไม้สน ลองหาแบบที่แมวชอบ ไม่แพ้และฝุ่นน้อยๆค่ะ อันนี้เพื่อสุขภาพจิตของคนเลี้ยงด้วยค่ะ หมั่นรักษาความสะอาดเก็บทุกเช้าเย็นหรืออย่างน้อยวันละครั้ง ทุกอาทิตย์ล้างกระบะทรายแล้วนำทรายไปตากแดด อย่างน้อย1เดือนต้องเปลี่ยนทรายใหม่ทั้งหมดทั้งกระบะ สำหรับที่บ้านตอนนี้ใช้เต้าหู้สำหรับเด็กเล็กนะคะ ส่วนแมวที่เริ่มโตแล้วใช้ไม้สนค่ะ ใช้ดีเก็บกลิน และประหยัดสุดๆ

7. ของเล่นต่างๆ เพราะแมวเด็กจะมีความสนใจสิ่งรอบตัวและซนหน่อยๆ สิ่งที่ต้องมีคือที่ลับเล็บ แบบกล่องลังกระดาษ(ไม้ตกแมว รางบอล ฯ ตามงบ ถ้ามีพื้นที่ก็ซื้อคอนโดแมวคุณภาพดีๆ หรือของเล่นติดผนัง เอาไว้ให้ปีนป่าย ส่องนก

8 . อุปกรณ์Groomingต่างๆ กรรไกรตัดเล็บแมว แผ่นเช็ดตา ที่เช็ดหูหรือน้ำยาหยอดหู ทิชชู่เปียกเช็ดตัวสำหรับแมว โตขึ้นมาหน่อยก็มีค่าแชมพู บำรุงขนต่างๆ(ในกรณีที่อาบน้ำเอง ถ้าอาบร้านก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมา แต่สำหรับเมนคูนเตรียมใจไว้หน่อย ค่าอาบน้ำร้าน Grooming ส่วนมากราคาตามน้ำหนัก

9. กระเป๋าหรือรถเข็นสำหรับเวลาพาไปข้างนอก เช่นพาไปหาสัตวแพทย์หรือพาเที่ยว โดยปกติเวลาลูกแมวที่บ้านย้ายบ้าน หรือตามฟาร์มแมวแถมให้กับลูกแมวจะให้เป็นกล่องที่มีประตูด้านหน้า ใช้เดินทางขึ้นเครื่องบินได้ แต่ส่วนตัวสำหรับที่บ้านถ้าน้องไม่ได้เดินทางขึ้นเครื่องไปไหน แทบไม่ได้ใช้เลย เวลาไปหาหมอหรือไปงานประกวดใช้เป็นตะกร้าใส่ของพลาสติกธรรมดามีฝาปิดด้านบน อันละสองร้อยกว่าบาท เวลาเอาใส่ก็อุ้มใส่ด้านบน ปิดฝา เวลาเอาออกก็เปิดฝาบนอุ้มออก ง่ายมาก ถ้าเป็น box เดินทางทางเข้าแคบไป จะให้เข้าก็ยากจะเอาออกก็ยิ่งยากค่ะ

กระเป๋าอวกาศพลาสติกใสๆคือไม่แนะนำเลยมีรูอากาศแค่ไม่กี่รูตัววัสดุก็ไม่ระบายความร้อนอีก ใช้ไม่ได้ระยะยาว มันเล็กและแคบพอแมวโตก็ต้องทิ้งเปลี่ยนใหม่ ดูน่ารักก็จริงแต่อย่าไปซื้อแบบนั้นค่ะเพราะเวลาไปข้างนอกน้องอาจจะเกิดฮีทสโตรกได้นะคะ

เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือ ไปพาน้องไปเดินเล่นห้างใช้รถเข็นค่ะ เลือกที่รับน้ำหนักได้เยอะ และกว้างหน่อยนะคะ น้องจะได้ไม่อึดอัด ซื้อครั้งเดียวใช้ยันโตเลย ที่สำคัญเวลาพาไปข้างนอกเราต้องอย่าเผลอเพราะแมวนี่ไวมาก ควรมีสายจูงที่เป็นเสื้อใส่ไว้ให้ด้วยก็จะดีค่ะ

10. เวลาและความเอาใจใส่ในการอยู่และคอยเล่นเป็นเพื่อนเขา จะได้สนิทและน้องจะได้ไว้ใจ ไม่ระแวงหรือกลัวเราค่ะ ต้องมีเวลาเก็บอึและฉี่น้องทุกเช้า-เย็น คอยสังเกตความผิดปกติต่างๆ เช่น ถ่ายเหลว อุจจาระมีเลือดปน อ้วกเป็นฟอง ทานอาหารน้อยลง ซึมไม่ร่าเริง

11. การทำหมัน ถ้ารับน้องมาเลี้ยงแบบไม่ได้ต้องการจะเพาะพันธ์ การทำหมันดีต่อสุขภาพ ในส่วนของตัวผู้จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ฉี่ไม่เป็นที่ ความเครียดที่เกิดจากการอยากผสมพันธ์ เสียงดังรบกวนทั้งต่อตัวเจ้าของและเพื่อนบ้าน แมวตัวเมียถ้าไม่ได้ทำหมันและไม่ผสมพันธ์มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดมดลูกอักเสบ และในอนาคตอาจจะเกิดภาวะมะเร็งในมดลูกได้

เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่กำลังลังเลและตัดสินใจจะรับน้องมาเลี้ยงนะคะ รายละเอียดอาจจะดูเยอะนะคะ แต่ถ้าได้ทำความรู้จักและได้เลี้ยงน้องจะรู้ว่าคุ้มค่าแน่นอนกับความน่ารักของเจ้ายักษ์ใหญ่ใจดีแน่นอนค่ะ ดูน้อย